วันนี้เรากลับมาพบกันอีกครั้งกับข้อมูลความรู้เกี่ยวกับแชมพู ซึ่งความพิเศษที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ ไม่ใช่แชมพูธรรมดาค่ะ แต่เป็นแชมพูที่เราเรียกกันว่า “แชมพูสีม่วง” บางคนอาจจะพอรู้คร่าว ๆ มาบ้างแล้วว่าแชมพูสีม่วงนั้น แตกต่างจากแชมพูปกติอย่างไร แต่สำหรับใครที่ยังไม่เคยรู้มาก่อน ก็ลองอ่านบทความของเราในวันนี้ดูเลยค่ะ
แชมพูสีม่วงนั้น มีคุณสมบัติพิเศษช่วยกลบสีเหลืองของเส้นผมหลังจากถูกกัดสีให้จางลงทำให้ผมเป็นสีขาว เพื่อพร้อมที่จะย้อมสีประกายเทาทั้งหลายต่อไป และช่วยบำรุงให้เส้นผมชุ่มชื้นขึ้น ลดความเสี่ยงที่ผมจะแห้งเสีย อย่างไรก็ตาม แชมพูแต่ละยี่ห้อนั้นก็มีคุณสมบัติเฉพาะตัวมากมายที่แตกต่างกันออกไปค่ะ ดังนั้น เพื่อให้คุณได้แชมพูสีม่วงที่ตรงใจและตรงตามความต้องการของสภาพเส้นผม วันนี้ทีมงานเราจึงไปคัดสรรข้อมูลมาแบบอัดแน่นเพื่อมาแชร์ให้ทุกคนได้อ่านกันค่ะ เริ่มจากช่วงแรกเรามาเรียนรู้จากวิธีการเลือกซื้อกันก่อนเลยดีกว่าค่ะ
แน่นอนค่ะว่า การเลือกแชมพูนั้นไม่ว่าจะเป็นประเภทไหนก็ตาม เราก็ต้องพิจารณาถึงส่วนประกอบให้เหมาะกับสภาพเส้นผมของเรา วันนี้เราก็รวบรวมข้อมูลมาแบบกระชับให้เพื่อน ๆ เข้าใจง่ายโดยไม่เสียเวลาอ่านกันมากเลยค่ะ
อย่างที่หลายคนทราบกันดีว่าเส้นผมที่ถูกทำสี โดยเฉพาะการกัดสีมาจะทำให้ผมแห้งเสียและชี้ฟู ดังนั้นผมคุณจึงต้องการการบำรุงมากเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตาม คุณต้องเข้าใจก่อนว่าแชมพูสีม่วงนั้นไม่ได้ถูกพัฒนามาเพื่อ “การบำรุง” เหมือนกับแชมพูทั่วไป ขณะเดียวกันก็ไม่ได้ “ทำลาย” เส้นผมเหมือนกับครีมเปลี่ยนสีผม เราจึงแนะนำให้เลือกซื้อรุ่นที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอร์ไรเซอร์ผสมเข้าไปด้วยก็จะดีกว่า เช่น มีส่วนผสมของกรด Hyaluronic หรือ Collagen เพื่อช่วยบำรุงให้เส้นผมกลับมานุ่มสลวยมากขึ้น
ถ้าใครต้องการการดูแลมากขึ้นไปอีกก็ให้ซื้อทรีทเมนต์สีม่วง หรือทรีทเมนต์สำหรับผมทำสีมาใช้ควบคู่กันไปด้วยเลยค่ะ ก็จะช่วยให้เส้นผมของคุณได้รับความชุ่มชื้นและสารอาหารมากขึ้นอีก
ลักษณะของเส้นผมที่ถูกทำสีมาจะแห้งเสียมากขึ้นเมื่อเทียบกับตอนยังไม่ทำ ทำให้ขณะสระผมอาจพันกันได้ง่าย แชมพูที่เหมาะสมจึงควรตีฟองโฟมได้พอเหมาะ เพื่อช่วยหล่อลื่นเส้นผมไม่ให้พันกัน แต่เราจะรู้ได้ยังไงว่ายี่ห้อไหนมีคุณสมบัติดังกล่าวหากบนบรรจุภัณฑ์นั้นไม่ได้ระบุไว้ ไม่ยากเลยค่ะ! เพียงแค่อ่านรีวิวเยอะ ๆ เท่านั้น คุณก็รู้แล้วว่ายี่ห้อไหนโดดเด่นเรื่องฟองโฟม
โดยส่วนใหญ่แล้วราคาของแชมพูสีม่วงจะเริ่มต้นตั้งแต่ 300-1,000 บาท หากเทียบกับแชมพูทั่วไปแล้วถือว่าราคาค่อนข้างสูง ก่อนการซื้อจึงแนะนำให้ทุกคนลองประเมินความถี่ในการใช้งานของตัวเองดู หากใครที่ต้องการสีผมที่สวยสมบูรณ์แบบนาน ๆ แนะนำให้สระผมเป็นประจำ อาจจะวันเว้นวัน แต่ถ้าไม่ซีเรียสกับผลลัพธ์มากนักจะสระสองวันครั้งก็ได้ค่ะ จากนั้นพิจารณาควบคู่ไปกับ “ปริมาณ” และ “ราคา” ของรุ่นนั้น ๆ ว่าคุ้มค่าแค่ไหน อย่างไรก็ตาม ยิ่งราคาแพงเท่าไร คุณภาพของสินค้าก็จะยิ่งสูงขึ้นค่ะ ถ้าใครพอมีกำลังทรัพย์ แนะนำให้ซื้อรุ่นที่ราคาแพงนิดนึงจะดีกว่า
ทุกครั้งหลังจากการทำสี ผมจะเกิดอาการแห้งเสียมาก บางครั้งการใช้แชมพูม่วงเพียงอย่างเดียว อาจฟื้นคืนความชุ่มชื้นได้ไม่ทั้งหมด ทำให้เกิดผมชี้ฟูไร้น้ำหนักขึ้นได้ ดังนั้น เราจึงขอแนะนำว่า หลังการสระผมด้วยแชมพูม่วงแล้ว ควรบำรุงด้วยครีมนวด หรือใช้น้ำมันบำรุงผมชนิดอื่น ๆ ร่วมด้วย จะช่วยให้ผมของคุณกลับมาชุ่มชื้นตรงสวยไวยิ่งขึ้น หากใครที่มีปัญหานี้อยู่ อย่าลืมเข้าไปซื้อสินค้ามาใช้กันนะคะ
ได้ข้อมูลวิธีการเลือกกันไปแล้ว คราวนี้เรามาดูกันดีกว่าค่ะว่ายี่ห้อไหนดี รุ่นไหนน่าซื้อกันบ้าง โดยเราได้จัดอันดับแชมพูที่ยอดฮิตติดกระแสไว้ให้แล้ว พร้อมด้วยข้อเปรียบเทียบทั้งคุณสมบัติ รีวิว และราคามาให้ดูกันด้วยค่ะ
แชมพูลดไรเหลืองจากแบรนด์ของคนไทย มีสีม่วงออกน้ำเงินเล็กน้อย เนื้อค่อนข้างหนืดพอสมควร สามารถลดประกายเหลืองหรือทองให้กลับมาเป็นสีขาวหรือออกประกายเทามากขึ้น เหมาะกับคนที่ทำผมสีพื้นหรือไฮไลท์ที่มีความสว่างระดับ 8-10 นะคะ มาในแพ็กเกจทรงเรียวยาวที่ถูกออกแบบมาให้จับถนัดมือ เพื่อช่วยให้คุณใช้งานได้สะดวกสะบายมากขึ้น อย่างไรก็ตามข้อเสียคือเมื่อเฉลี่ยราคาแล้วถือว่าค่อนข้างสูงทีเดียว แต่เมื่อเทียบกับคุณภาพแล้วก็ไม่เสียหายที่จะลงทุนค่ะ
สำหรับแบรนด์นี้เขาไม่ได้มีแต่ครีมเปลี่ยนสีผมหรือทรีทเมนต์อย่างเดียวนะจ๊ะ เขามีแชมพูสำหรับผมทำสีด้วย โดยมีหลายสีให้เลือกซื้อเลยค่ะ ส่วนสูตรนี้เป็นสูตรสำหรับลดประกายเหลืองหรือทอง ปราศจากแอมโมเนียและไฮโดรเจน จึงมั่นใจได้ว่าเส้นผมของคุณจะไม่ถูกทำลายเพิ่ม โดยเนื้อแชมพูมีเม็ดสีแน่น ม่วงเข้มมากค่ะ เวลาใช้แนะนำให้สวมถุงมือด้วย ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวสีจะติดมือเอา หลังใช้แล้วสามารถลดไรเหลืองได้จริง ช่วยให้การทำสีเทาหรืออื่น ๆ ง่ายขึ้น แถมช่วยบำรุงผมอีกด้วย
แม้ว่าขวดจะมีสีทองแต่เนื้อแชมพูเป็นสีม่วงเข้มนะจ๊ะ เม็ดสีแน่น เนื้อเหลวพอประมาณ สามารถใช้ได้ทุกวันเพื่อช่วยรักษาสีบลอนด์ของเส้นผมไว้ ทำให้ดูสวยสมบูรณ์แบบอยู่เสมอและยืดอายุสีให้นานขึ้น ขณะเดียวกันก็ช่วยบำรุงให้เส้นผมสุขภาพดีขึ้น โดยปราศจากซัลเฟต แม้ผู้ที่มีสภาพผิวแพ้ง่ายก็สามารถใช้ได้ ไม่ทำให้เส้นผมกระด้างและขาดความมีชีวิตชีวา นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมของมอยส์เจอร์ไรเซอร์ช่วยบำรุงผมเพิ่มเติมอีกด้วย ซึ่งเมื่อเทียบกับราคาแล้วถือว่าคุ้มค่ามากทีเดียวเลยค่ะ
แชมพูสีม่วงสำหรับคนทำสีผมโทนบลอนด์หรือโทนเทาโดยเฉพาะ กลบประกายเหลืองด้วย Blue basic color ทำให้เห็นประกายเทาชัดขึ้น คงสีให้สวยยาวนานกว่าปกติ พร้อมบำรุงผมด้วยนวัตกรรม Hydra capture system ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นในเส้นผม และปกป้องจากความร้อนของแสงแดดและรังสี UVA ทำให้เส้นผมของคุณไม่แห้งเสียง่าย อย่างไรก็ตามแม้ว่าราคาจะแพงไปสักนิด แต่เมื่อเทียบกับปริมาณและคุณภาพแล้วบอกเลยว่าคุ้มค่าค่ะ ลงทุนซื้อครั้งเดียวใช้ได้นานหลายเดือนเลย
มาถึง 3 อันดับสุดท้ายที่หลายคนจับตามอง หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าแบรนด์นี้อยู่ในเครือของ Shiseido เพียงแต่แตกไลน์ออกมาเพื่อการดูแลเส้นผมโดยเฉพาะ โดดเด่นด้วยนวัตกรรม Multi-Spectrum Defense Complex™ ช่วยลดประกายเหลืองหรือทองและปรับโทนสีผมให้สวยงามขึ้นอย่างที่ควรจะเป็น พร้อมบำรุงเส้นผมให้เงางามเป็นประกาย ฟื้นฟูผมเสียจากการทำสีให้กลับมามีสุขภาพดีขึ้น แถมรุ่นนี้เขายังมีครีมนวดผมคู่กันด้วยค่ะ ทำให้เส้นผมของคุณได้รับการดูแลมากขึ้น โดยที่คุณไม่ต้องลำบากไปนั่งหาซื้อครีมนวดจากยี่ห้ออื่นเลยด้วย
มาต่อกันที่อันดับที่ 2 ของเรา สำหรับรุ่นนี้แตกต่างจากอันดับก่อนหน้านี้ตรงที่เป็นทั้ง “แชมพูและครีมนวดผม” ในขวดเดียว ดังนั้นจึงให้การบำรุงที่มากกว่า และสะดวกสบาย สระด้วยแชมพูครั้งเดียวก็เหมือนได้ลงครีมนวดไปด้วยแล้ว ยังปราศจากสารซัลเฟตที่ทำร้ายเส้นผมและสีผม พร้อมช่วยปกป้องจากรังสี UV และบำรุงให้กลับมานุ่มสลวย โดยเนื้อแชมพูมีกลิ่นหอม และสามารถใช้ได้บ่อยครั้งเท่าที่ต้องการ เรียกได้ว่าลงทุนซื้อ 1 ชิ้น แต่ได้การดูแลถึง 2 ขั้นตอนเลยค่ะ จัดว่าคุ้มสุด ๆ
และแล้วก็มาถึงอันดับที่ 1 ของเรา ถ้าขวดนี้ไม่ได้แล้วขวดไหนจะได้ เพราะอย่างที่เรารู้กันว่า L’Oreal ถือเป็นอีกแบรนด์ที่มีชื่อเสียงเรื่องการดูแลเส้นผม ซึ่งสูตรนี้มีความพิเศษอยู่ที่มีส่วนผสมของกรดอะมิโนและแมคนีเซียม ช่วยรักษาความชัดเจนและความสว่างของสีผมให้อยู่ทนยาวนาน ขณะเดียวกันก็ช่วยทำความสะอาดเส้นผมอย่างอ่อนโยน ไม่ก่อให้เกิดการแพ้ จึงสามารถใช้ได้บ่อยตามต้องการ นอกจากนี้ยังบำรุงให้เส้นผมนุ่มสลวยและดูเงางามมากขึ้น จนได้รับความไว้วางใจจากคนชอบทำสีผมเป็นอย่างมาก ทำให้คว้าอันดับที่ 1 มาครองได้สำเร็จ
จากที่กล่าวไปข้างต้น แชมพูสีม่วงเป็นหนึ่งในแชมพูสำหรับผมทำสี เช่นเดียวกับแชมพูสีชมพู หรือสีเงิน ซึ่งมีคุณสมบัติแตกต่างจากสูตรทั่ว ๆ ไปตรงที่มีสารเคมีชนิดหนึ่งที่ช่วยปกป้องและรักษาสีผมให้สวยและอยู่ทนยาวนานขึ้น
อย่างไรก็ตามแชมพูประเภทนี้ไม่ได้เหมาะกับทุกสีผมนะคะ แต่จะใช้ได้ดีกับเส้นผมที่ถูกกัดหรือย้อมสีโทนเหลือง เช่น สีบลอนด์ โดยหลังจากใช้แล้วจะช่วยให้สีผมขาวหรือมีประกายสีเทามากขึ้น ทำให้บางครั้งหลายคนเข้าใจว่าแชมพูดังกล่าวเป็นประเภทเปลี่ยนสีผม แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่เลยค่ะ ถ้าหากเส้นผมของคุณเป็นสีดำแล้วไปใช้ละก็ สุดท้ายก็ไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรค่ะ
เมื่อได้ยาสระผมดี ๆ กันไปเรียบร้อยแล้ว ลำดับต่อไปเรามาเรียนรู้วิธีการใช้ที่ถูกต้องกันดีกว่าค่ะ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ข้อแตกต่างระหว่างวิธีใช้แชมพูสีม่วงกับแชมพูทั่วไปคือ “ระยะเวลา” แชมพูทั่วไปแค่สระก็ล้างออกได้ทันที แต่สำหรับแชมพูสีม่วงจะต้องตีฟองโฟมและชโลมให้ทั่วทั้งศีรษะ ก่อนจะทิ้งไว้สักพักหนึ่งเพื่อให้แชมพูทำงาน แต่ระหว่างนั้นควรระมัดระวังอย่าให้แชมพูเข้าตานะคะ แนะนำให้ใส่หมวกคลุมผมระหว่างรอจะดีกว่า
ถ้าหลังล้างโฟมแล้วคุณยังรู้สึกว่าสีผมยังติดเหลืองอยู่ สามารถหมักโฟมอีกครั้งหนึ่งได้ค่ะ คราวนี้ก็จะได้สีผมที่สวยตามที่ต้องการแล้ว อย่างไรก็ตามถ้ารอบที่สองแล้วคุณยังไม่พอใจ แนะนำให้เว้นช่วงไปสระครั้งต่อไปจะดีกว่าค่ะ
ตามที่เกริ่นไปในตอนต้นว่าแชมพูสีม่วงไม่ได้ถูกพัฒนามาเพื่อบำรุงเส้นผมเป็นหลัก ดังนั้นจึงไม่มีสารอาหารเพียงพอสำหรับเส้นผมที่ถูกทำร้ายด้วยสารเคมี แนะนำให้ซื้อทรีทเมนต์บำรุงหลังสระเพิ่มเติมด้วย โดยจะเป็นเพื่อนร่วมไลน์กับแชมพูก็ได้หรือจะเป็นสูตรอื่น ๆ ก็ได้ค่ะ ขึ้นอยู่กับความต้องการของเพื่อน ๆ
มาถึงตรงนี้หลาย ๆ คนคงมีรุ่นที่เล็งไว้ในใจกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วและคงได้ข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการใช้ที่ถูกต้องเพิ่มขึ้นไปแล้วด้วย ยังไงก็ตาม เพื่อประสิทธิภาพที่ดีที่สุดเราขอแนะนำให้เพื่อน ๆ ลองเช็คอีกครั้งว่าสินค้าที่เลือกมานั้นมีคุณสมบัติตรงตามความต้องการของเราหรือเปล่า ทั้งเรื่องของสารบำรุง คุณสมบัติเสริมเพิ่มเติม เช่น การป้องกันจากรังสี UV เพราะสิ่งเหล่านี้มีความสำคัญมากต่อสีผมและสุขภาพของเส้นผมโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผมที่ทำสี
และเมื่อได้แชมพูที่เหมาะกับคุณเรียบร้อยแล้ว แนะนำให้หาซื้อครีมนวดและทรีทเมนต์เพื่อเพิ่มการดูแลขึ้นไปอีกขั้นนะคะ เพราะหนึ่งในปัญหาของหลายคนที่ทำสีคือ “ผมแห้งเสีย” ส่งผลต่อฟินิชลุค ทำให้ทรงผมของคุณสีสวยแต่ขาดความสมบูรณ์แบบ