ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวหน้าและพัฒนามากขึ้นทุกวัน เครื่องใช้ไฟฟ้าและสินค้าจำพวกไอทีต่าง ๆ ก็มีฟังก์ชันที่สามารถอำนวยความสะดวกให้แก่มนุษย์เพิ่มขึ้น หากเปรียบเทียบกับสมัยก่อน อุปกรณ์ไฟฟ้าเหล่านี้มีขนาดที่เล็กลงเป็นอย่างมากค่ะ เช่นเดียวกันกับไอเทมที่เราจะมาแนะนำกันในวันนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับวัยเรียนและวัยทำงานทั้งหลาย นั่นก็คือ "เครื่องปริ้น" นั่นเอง แต่สำหรับครั้งนี้ไม่ใช่บทความเกี่ยวกับเครื่องปริ้นธรรมดาสำหรับใช้ในบ้านหรือออฟฟิศ แต่เป็น "เครื่องปริ้นพกพา" ซึ่งมีขนาดเล็กและน้ำหนักเบา ช่วยให้คุณนำไปใช้งานได้ทุกที่ ทุกเวลา
ในปัจจุบันมีผู้ผลิตหลายรายอย่างเช่น Epson, Canon, Brother, และ HP ได้วางจำหน่ายสินค้าประเภทดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นชนิดที่รองรับกระดาษขนาด A4 ที่พิมพ์เอกสารทั่วไป หรือจะเป็นรุ่นสำหรับปริ้นภาพถ่ายโดยเฉพาะ ซึ่งนอกจากสินค้าแบรนด์ดังเหล่านี้แล้ว ยังมีสินค้าแบรนด์อื่น ๆ ที่น่าสนใจให้เลือกซื้อมากมาย แต่ทว่า ก่อนที่เราจะไปซื้อเครื่องปริ้นพกพา เรามาศึกษาวิธีการเลือกกันดีกว่าค่ะ หากพร้อมแล้วตามมาเลย !
วัตถุประสงค์ในการใช้งาน คือ สิ่งที่เราควรคำนึงถึงเป็นอันดับแรกเพื่อให้สามารถเลือกประเภทของเครื่องปริ้นได้เหมาะสมมากที่สุด รายละเอียดจะเป็นอย่างไรนั้น ตามไปอ่านกันต่อเลยค่ะ
เครื่องปริ้นพกพานั้นสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ ได้แก่ แบบรองรับขนาด A4 ซึ่งใช้สำหรับการพิมพ์เอกสารต่าง ๆ และแบบเครื่องปริ้นภาพถ่ายที่ใช้สำหรับการพิมพ์ภาพเป็นหลัก สำหรับเครื่องปริ้น A4 บางรุ่นนั้นสามารถพิมพ์ภาพถ่ายได้ แต่ทว่า การพิมพ์เอกสารโดยใช้เครื่องปริ้นภาพถ่ายนั้นไม่เหมาะสมกับการใช้งานทั้งด้านขนาดและค่าต้นทุนการพิมพ์ ดังนั้น หากคุณไม่ได้ต้องการใช้เครื่องปริ้นเพื่อพิมพ์ภาพถ่ายเพียงอย่างเดียว แต่ต้องการพิมพ์เอกสารอื่น ๆ ด้วย การเลือกใช้เครื่องปริ้นที่รองรับ A4 ก็อาจเหมาะสมมากกว่าค่ะ
ในทางกลับกัน หากคุณมักใช้งานเพื่อพิมพ์ภาพถ่ายเป็นหลัก เครื่องปริ้นที่เหมาะกับคุณจะเป็นประเภทเครื่องปริ้นภาพถ่ายที่มีน้ำหนักเบาและพกพาง่ายมากกว่าค่ะ นอกจากนี้ ยังมีสินค้าหลากหลายรุ่นที่รองรับการประมวลผลหรือการตกแต่งภาพถ่ายต่าง ๆ โดยใช้แอปพลิเคชันในโทรศัพท์ ดังนั้น คนที่ต้องการใช้เครื่องปริ้นประเภทนี้อย่าลืมตรวจสอบฟังก์ชันต่าง ๆ ให้ละเอียดด้วยนะคะ
สำหรับเครื่องปริ้นพกพานั้น สามารถแบ่งวิธีการพิมพ์ออกเป็น "การพิมพ์อิงค์เจ็ท" และ "การพิมพ์แบบไม่ใช้หมึก" ที่ใช้กระดาษพิเศษ ต่อจากนี้ เรามาดูกันดีกว่าค่ะว่าแต่ละประเภทนั้นมีคุณสมบัติและจุดเด่นที่แตกต่างกันอย่างไร
เครื่องปริ้นระบบ Inkjet นั้นเหมาะกับการใช้ที่บ้านหรือสำนักงาน เนื่องจากสามารถพิมพ์ในปริมาณมากได้ ถึงแม้ว่าตัวเครื่องและตลับหมึกจะมีขนาดใหญ่ แต่ก็มีจุดเด่นตรงที่พิมพ์ได้เยอะโดยไม่ต้องใช้กระดาษแบบพิเศษ อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายในการใช้งานนั้นอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับผลิตภัณฑ์และผู้ผลิต ดังนั้น นอกจากราคาของตัวเครื่องแล้ว เราควรตรวจสอบราคาหมึกและจำนวนการพิมพ์ก่อนซื้อด้วยค่ะ
นอกจากนี้ คุณภาพของการพิมพ์นั้นขึ้นอยู่กับชนิดและจำนวนสีของหมึก หากคุณต้องการพิมพ์ภาพถ่ายให้มีคุณภาพและสีสันสดใส ให้เลือกใช้ปริมาณสีที่เยอะขึ้นอย่างเช่น 6 สีหรือ 8 สี แต่หากต้องการพิมพ์ทั้งเอกสารและรูปภาพ เราขอแนะนำให้เลือกแบบไฮบริดที่ใช้ทั้งหมึกสีย้อมและหมึกพิมพ์เม็ดสีจะเหมาะสมกว่าค่ะ
โปรดดูบทความต่อไปนี้สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับเครื่องพิมพ์ Inkjet
วิธีการพิมพ์ด้วยกระดาษพิเศษนั้นสามารถแบ่งออกเป็น เครื่องปริ้นความร้อนกระดาษขาวดำ (Thermal printer) และเครื่องปริ้นสีสำหรับปริ้นรูปถ่าย ซึ่งแต่ละประเภทนั้นต่างก็มีข้อดีตรงที่กะทัดรัดและไม่ต้องติดตั้งตลับหมึกแบบเครื่องปริ้นอิงค์เจ็ทนั่นเองค่ะ
สำหรับเครื่องปริ้นความร้อนกระดาษขาวดำนั้นมีต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่ำ เหมาะกับการใช้งานทางธุรกิจ เช่น ออกใบเสร็จ, ใบสัญญา, ใบเสนอราคา ฯลฯ แต่หากต้องการใช้งานแบบส่วนตัวนั้นอาจไม่ตอบโจทย์เท่าไหร่นัก ส่วนเครื่องปริ้นรูปถ่ายนั้นจำเป็นต้องใช้กระดาษเฉพาะที่สอดคล้องกับผลิตภัณฑ์ของผู้ผลิตในการพิมพ์ เช่น instax film, ZINK, กระดาษ Thermal ฯลฯ หากไม่ทราบว่าเครื่องปริ้นนั้นเป็นประเภทใด เราขอแนะนำให้อ่านรีวิวประกอบการตัดสินใจดูนะคะ
วิธีการจ่ายพลังงานของเครื่องปริ้นพกพานั้นแบ่งออกเป็นสองประเภท ได้แก่ประเภทมีแบตเตอรี่ในตัวซึ่งชาร์จไฟได้และแบบใช้ไฟ AC (ไฟบ้าน) นั่นเองค่ะ
โดยประเภทที่มีแบตเตอรี่ในตัวนั้นมีจุดเด่นตรงที่สามารถใช้ได้ทุกที่แม้จะไม่มีเต้าเสียบ จึงทำให้ได้รับความนิยมเนื่องจากพกพาสะดวก แต่ทว่า เครื่องปริ้นประเภทที่จำเป็นต้องเสียบกับไฟบ้านเพื่อใช้งานนั้นก็มีข้อดีตรงที่เราไม่ต้องกังวลว่าแบตเตอรี่จะหมด นอกจากนี้ ยังเหมาะสำหรับการพิมพ์เป็นจำนวนมาก ซึ่งบางรุ่นก็ติดตั้งแบตเตอรี่เพิ่มเติมได้ทีหลังด้วย
อีกทั้งเมื่อไม่นานมานี้ มีบางผลิตภัณฑ์ได้วางจำหน่ายเครื่องปริ้นที่ใช้พลังงานจากการเสียบสาย USB หรือจากแบตเตอรี่สำรองได้เช่นกัน ดังนั้น หากคุณเลือกสินค้าที่ใช้แหล่งจ่ายพลังงานได้หลากหลายวิธี ก็จะช่วยให้พิมพ์เอกสารและภาพถ่ายจำนวนมากได้โดยไม่ต้องกังวลแม้จะอยู่ในที่ที่ไม่มีไฟฟ้าเลยค่ะ
เครื่องปริ้นแบบพกพานั้นสามารถเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ตและสมาร์ทโฟนได้หลายวิธี เช่น Wi-Fi, บลูทูธ, ต่อสายเข้าโดยตรง ฯลฯ ซึ่งในปัจจุบันการเชื่อมต่อหลัก ๆ นั้นมักเป็นแบบไร้สายที่อำนวยความสะดวกได้เป็นอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตาม หากอุปกรณ์ของคุณไม่รองรับระบบดังกล่าวก็จะไม่สามารถใช้งานได้ ดังนั้น ควรตรวจสอบรายละเอียดเกี่ยวกับการเชื่อมต่อให้แน่ใจก่อนตัดสินใจซื้อด้วยนะคะ
สำหรับการใช้เครื่องปริ้นที่เชื่อมต่อด้วยสาย USB เข้าโดยตรงนั้น จะทำให้สั่งพิมพ์ได้ทุกที่แม้ไม่มี Wi-Fi ซึ่งนอกจากวิธีการเชื่อมต่อดังกล่าวแล้ว ยังมีเครื่องปริ้นบางรุ่นที่รองรับแฟลชไดรฟ์และ SD การ์ดอีกด้วยค่ะ การเชื่อมต่อและถ่ายโอนข้อมูลแบบใดจะดีที่สุดนั้น ลองตรวจสอบการใช้งานที่คุณถนัดดูนะคะ
การตรวจสอบขนาดและน้ำหนักของเครื่องปริ้นพกพาก็เป็นสิ่งที่สำคัญเช่นเดียวกัน ให้เช็คว่ามีขนาดเล็กพอที่จะใส่กระเป๋าได้หรือไม่ และต้องไม่เพิ่มน้ำหนักหรือสร้างความลำบากในการถือ หากคุณไม่ได้เดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว โดยเลือกเครื่องปริ้นที่มีน้ำหนักไม่เกิน 1 กิโลกรัม ซึ่งเป็นไซซ์ที่พอเหมาะกับการพกพาได้อย่างสะดวกสบาย
นอกจากนี้ ควรระมัดระวังไม่ให้เครื่องปริ้นโดนกระแทกในระหว่างการพกพา หากปริ้นเตอร์ทำมาจากวัสดุที่มีความทนทาน เราอาจไม่ต้องกังวลเท่าไหร่นัก แต่หากคุณใส่เครื่องปริ้นและสิ่งของต่าง ๆ รวมกันในกระเป๋าก็ควรตรวจสอบสภาพของตัวเครื่องทุกครั้ง ถ้าเป็นไปได้ควรใส่ถุงหรือซองเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดรอยและความเสียหายจะดีที่สุดค่ะ
ต่อจากนี้ เราจะมาแนะนำคุณสมบัติของเครื่องปริ้นที่ผลิตโดยผู้ผลิตชั้นนำ แต่ละยี่ห้อจะมีจุดเด่นอย่างไรบ้างนั้น เราไปดูกันต่อเลยค่ะ
แบรนด์ที่ผลิตกล้องและเครื่องปริ้นหลากหลายประเภทอย่าง "Canon" นั้นได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะรุ่น "iNSPiC" ที่มาพร้อมกับฟังก์ชันที่เหมาะกับสมาร์ทโฟนในรุ่นปัจจุบัน เหมาะการพกพา มีความเรียบง่ายและน้ำหนักเบา ซึ่งนอกจากรุ่นนี้แล้ว สินค้ารุ่นอื่น ๆ ที่สามารถรองรับขนาด A4 ก็มีคุณสมบัติและฟังก์ชันที่ยอดเยี่ยมเช่นกัน เรียกได้ว่าเป็นแบรนด์ที่ผลิตแต่สินค้าประสิทธิภาพสูงและมีความน่าเชื่อถือเป็นอย่างยิ่งค่ะ
แบรนด์ "Epson" ได้ผลิตเครื่องปริ้นพกพาที่รองรับการพิมพ์ขนาด A4 ซึ่งมีแบตเตอรี่อยู่ในตัวเครื่องออกมาจำหน่าย จึงทำให้มีความโดดเด่นจากผู้ผลิตรายอื่น ๆ ตรงที่ไม่ต้องใช้แบตเตอรี่เพิ่มเติมหรือเสียบปลั๊กเพื่อใช้งานเลยค่ะ นอกจากนี้ ยังมีขนาดกะทัดรัด เบาและใช้ หมึกพิกเม้นท์ (Pigment) ในการพิมพ์จึงทำให้ได้สีที่สวยงามอีกด้วย
แต่น่าเสียดายที่ในไทยยังไม่มีสินค้าวางจำหน่าย หากเพื่อน ๆ คนไหนสนใจก็ลองดูจากเว็บไซต์ทางการดูก่อนได้นะคะ
เครื่องปริ้นพกพาของยี่ห้อฮิวเลตต์-แพคการ์ด (HP) นั้นสามารถเปลี่ยนตลับหมึกได้ง่าย ถึงแม้ว่าขนาดของตัวเครื่องนั้นใหญ่กว่าผู้ผลิตรายอื่นเล็กน้อย แต่ด้วยคุณสมบัติที่เทียบเท่ากับเครื่องพิมพ์ใหญ่ทั่วไปนั้นก็เป็นจุดเด่นที่ทดแทนกันได้ค่ะ
นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับ "โหมดตลับหมึกพิมพ์เดียว" ซึ่งครอบคลุมข้อเสียของการใช้ตลับหมึกขนาดใหญ่แบบรวมสีได้ ช่วยให้สามารถพิมพ์เอกสารขาว-ดำโดยใช้เพียงหมึกสีดำ ซึ่งลดปริมาณการใช้สีอื่นโดยไม่จำเป็นและลดค่าใช้จ่ายให้น้อยลงได้ค่ะ
หลังจากที่อ่านวิธีการเลือกกันไป เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงอยากทราบว่ามีสินค้าใดที่น่าสนใจบ้าง วันนี้ทีมงานมายเบสท์ได้คัดสรรกันมาให้ทุกคนอ่านกันที่นี่แล้วค่ะ เรามาเริ่มกับเครื่องปริ้นพกพาสำหรับพิมพ์ภาพถ่ายกันก่อนดีกว่า ตามมาเลยค่ะ !
เริ่มต้นด้วยสินค้าจากบริษัทผู้ผลิตกล้องโพลารอยด์ จึงมั่นใจได้เลยว่ารูปที่ปริ้นออกมานั้นจะสวยงามและดูคลาสสิกอย่างแน่นอน การชาร์จแบตเตอรี่หนึ่งครั้งสามารถปริ้นได้ทั้งหมด 25 ใบและใช้เวลาไม่ถึง 1 นาทีในการปริ้นต่อ 1 ใบ อีกทั้งตัวเครื่องนั้นดีไซน์ออกมาให้มีขนาดกะทัดรัดและน้ำหนักเบาเพียงแค่ 186 กรัม ! ด้วยเหตุนี้จึงทำให้พกพาได้อย่างสะดวกสบายเป็นอย่างยิ่ง การเชื่อมต่อก็ทำได้อย่างง่ายดายเนื่องจากแอปพลิเคชันสำหรับตกแต่งภาพและสั่งปริ้นนั้นรองรับทั้งมือถือ iOS และ Android เลยค่ะ
สินค้าจากแบรนด์ Huawei ที่ดีไซน์เครื่องปริ้นคุณภาพดีในราคาที่จับต้องได้ออกมาแข่งกับแบรนด์อื่น ๆ โดยตัวเครื่องใช้ระบบปริ้นด้วยหัวพิมพ์คุณภาพดีที่มีความแม่นยำสูง จึงทำให้รูปมีความละเอียดและสีสันสวยงาม นอกจากนี้ ยังมีจุดเด่นอยู่ที่ตัวสินค้ามีน้ำหนักเบาและปริ้นได้มากถึง 23 รูปต่อการชาร์จแบตเตอรี่หนึ่งครั้ง ซึ่งนอกเหนือจากการพิมพ์ภาพถ่ายทั่วไปแล้ว รุ่นนี้ยังมาพร้อมกับแอปพลิเคชันที่ช่วยให้คุณแต่งรูปภาพให้สวยงามเพิ่มมากขึ้นได้ตามใจชอบ รวมไปถึงสามารถทำนามบัตรด้วยตัวเองได้อีกด้วย !
สำหรับสินค้ารุ่นนี้ต้องถูกใจคนที่ชอบโพลารอยด์อย่างแน่นอน เนื่องจากสามารถแต่งรูปภาพ ปรับแสงได้ตามใจชอบแล้วปริ้นได้ภายใน 13 วินาที ! มีจุดเด่นตรงที่ใช้ ฟิล์ม Instax Square ซึ่งมีให้เลือกหลากหลายลายและพิมพ์ภาพที่มีความละเอียดถึง 318 dpi ซึ่งให้ภาพที่มีสีสันสดใส นอกจากนี้ ในการชาร์จหนึ่งครั้งสามารถปริ้นได้ถึง 160 ภาพ Normal แต่หากเพื่อน ๆ คนไหนอยากปริ้นในปริมาณมาก และกังวลว่าแบตจะหมดระหว่างใช้ก็สามารถเสียบสายตรงเข้ากับไฟบ้านในระหว่างใช้งานก็ได้เช่นกันค่ะ
สินค้ารุ่นนี้มาพร้อมกับเทคโนโลยี ZINK™ ที่ไม่จำเป็นต้องใช้หมึกเพื่อพิมพ์เนื่องจากใช้ความร้อนทำให้กระดาษพิเศษที่มีการบรรจุแม่สีลงในตัวนั้นเกิดสีนั่นเองค่ะ นอกจากนี้ ยังมีขนาดเล็กถึงขนาดพกพาด้วยการใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงได้ ! ที่สำคัญ สามารถตกแต่งภาพได้อย่างอิสระ ไม่ว่าจะเป็นการใส่ข้อความ ทำภาพแบบจิ๊กซอว์หรือกรอบภาพสวย ๆ ด้วยแอปพลิเคชัน Canon Mini Print อีกทั้งการเชื่อมต่อก็ง่ายดายเพียงผ่านบลูทูธ ซึ่งช่วยให้คุณพิมพ์ภาพที่สวยงามได้ทุกที่ทุกเวลา
เครื่องปริ้นภาพที่ให้ความคมชัด มีน้ำหนักเบาและรูปร่างเรียวบางพกพาได้ง่ายโดยไม่กินพื้นที่ในกระเป๋า สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนด้วย Bluetooth เพื่อสั่งงานและตกแต่งภาพได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการเลือกฟิลเตอร์หรือใส่ลวดลายที่คุณสร้างเองลงไปในภาพได้ ! อีกทั้งพิมพ์รูปได้โดยไม่ต้องรอให้ภาพขึ้นได้ภายในเวลา 42 วินาที ซึ่งกระดาษที่ใช้นั้นเป็นสติกเกอร์ภายในตัว จึงทำให้เราสามารถลอกเพื่อไปแปะได้ตามใจชอบด้วยนะคะ
มาถึงคราวของเครื่องปริ้นพกพาขนาดใหญ่ที่รองรับขนาด A4 ซึ่งปริ้นเอกสารต่าง ๆ ได้แล้ว จะมีสินค้ายี่ห้อใด รุ่นไหนน่าสนใจบ้างนั้น เราไปดูกันต่อเลยค่ะ !
สินค้าที่ตอบโจทย์การใช้งานทุกประเภทได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการสั่งพิมพ์ ถ่ายเอกสาร ไปจนถึงการสแกนให้เป็นไฟล์เข้าคอมพิวเตอร์ ! ด้วยฟังก์ชันที่หลากหลายนี้เองจึงทำให้น้ำหนักมากกว่ารุ่นอื่น ๆ แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาค่ะ เพราะทางแบรนด์ได้ออกแบบให้ทดแทนกันด้วยความเร็วในการพิมพ์ สำหรับรุ่นนี้สามารถพิมพ์ ขาวดำได้ 20 แผ่นภายใน 1 นาทีและพิมพ์สี 16 แผ่นต่อนาที เรียกได้ว่าเป็นเครื่องพิมพ์คุณสมบัติครอบคลุมรอบด้านจริง ๆ ค่ะ
หากคุณกำลังมองหาเครื่องปริ้นขนาดเล็กที่พกพาง่ายและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอยู่รุ่นนี้อาจตอบโจทย์คุณได้เป็นอย่างดีค่ะ เพราะพิมพ์เอกสารและภาพได้ด้วยความละเอียดสูงถึง 9,600 dpi ด้วยระบบ Hybrid ที่คุณใช้พิมพ์ภาพถ่ายได้อย่างชัดเจนโดยไม่มีเบลอ รองรับการเชื่อมตัวได้หลากหลายรูปแบบทั้งแบบใช้สายต่อและแบบไร้สาย สามารถพิมพ์ขาว-ดำได้ถึง 9.0 ภาพต่อนาทีและภาพสีได้ 5.8 ภาพต่อนาทีซึ่งเป็นความเร็วที่ได้รับมาตรฐาน ISO อีกด้วย ! ถึงจะตัวเล็กแต่อัดแน่นไปด้วยคุณภาพเช่นนี้ ห้ามพลาดเลยนะคะ
แค่เห็นภาพสินค้าก็ทราบแล้วใช้ไหมคะว่าตัวเครื่องมีขนาดเล็กต่างจากเครื่องพิมพ์ธรรมดาอย่างไร ซึ่งนอกจากจะมีรูปร่างเรียวบางแล้ว ยังมีน้ำหนักที่เบาเพียงแค่ 480 กรัมเท่านั้น อีกทั้งมีจุดเด่นตรงที่รองรับการเชื่อมต่อจาก Bluetooth ซึ่งทำให้การสั่งพิมพ์จากคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตนั้นเป็นเรื่องง่ายดาย ที่สำคัญ สามารถเสียบใช้กับไฟรถได้ จึงตอบโจทย์นักธุรกิจที่มักเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวและต้องการมีติดไว้ยามฉุกเฉินเป็นอย่างยิ่งค่ะ
สินค้าแบบ All-in-One ที่ทำได้ทั้งพิมพ์ สแกนและถ่ายเอกสารจากแบรนด์ HP เครื่องนี้รองรับ Bluetooth, Wi-Fi และเชื่อมต่อพร้อมกันได้สูงสุดถึง 5 เครื่อง ซึ่งนอกจากจะพกพาแล้ว ยังใช้เป็นเครื่องพิมพ์หลักในบ้านได้ อีกทั้งมีจุดเด่นตรงที่มีหน้าจอแสดงผลแสดงอยู่บนตัวเครื่อง สามารถพิมพ์เอกสารด้วยความเร็วสูงสุด 10 แผ่นต่อนาที ด้วยเหตุนี้จึงใช้งานง่าย รวดเร็วและสะดวกสบาย ชาร์จไฟทั้งจากไฟบ้านและไฟรถได้ จึงไม่ต้องเป็นกังวลว่าแบตจะหมดระหว่างปริ้นงานเลยค่ะ
อีกหนึ่งสินค้าที่แม้จะมีขนาดกะทัดรัดแต่ฟังก์ชันการใช้งานไม่น้อยหน้าใคร เนื่องจากเป็นปริ้นเตอร์แบบ All-in-One ที่ทำได้ทั้งพิมพ์ สแกนและถ่ายเอกสาร จึงสามารถตอบโจทย์การใช้งานทุกประเภท สามารถพิมพ์ได้เร็วถึง 10 ภาพต่อนาทีด้วยความละเอียด 5760 dpi นอกจากนี้ ยังมีจุดเด่นตรงที่แทงค์หมึกในตัวเครื่องเป็นแบบขวด หากหมึกสีใดหมดก็สามารถเติมเฉพาะสีได้ จึงช่วยลดค่าใช้จ่ายและป้องกันการเติมหมึกผิดช่องได้เป็นอย่างดี ใครที่กำลังมองหาปริ้นเตอร์คุณภาพดีในราคาย่อมเยา ห้ามพลาดรุ่นนี้เลยนะคะ
หากเรามีแบตเตอรี่สำรองก็จะช่วยอำนวยสะดวกต่อการชาร์จไฟในระหว่างการเดินทางได้ อีกทั้งเป็นสิ่งที่ต้องมีสำหรับผู้ที่พกพาอุปกรณ์ที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ อย่างเช่นโทรศัพท์ พัดลมพกพา ฯลฯ หากเพื่อน ๆ สนใจก็ลองอ่านจากบทความเหล่านี้ดูได้นะคะ
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ หลังจากที่ได้อ่านวิธีการเลือกและชมตัวอย่างสินค้ากันไป ทีมงานมายเบสท์เชื่อว่าทุกคนคงทราบแล้วว่าควรคำนึงถึงสิ่งใดหากต้องการซื้อเครื่องปริ้นพกพา บางคนอาจมีสินค้าที่อยากซื้อไว้ในใจเรียบร้อยแล้วก็เป็นได้ หากตัดสินใจซื้อแล้วนำมาใช้งานจริงแล้ว อย่าลืมหมั่นทำความสะอาดด้วยการใช้ผ้าสะอาดเช็ดไม่ให้ฝุ่นเกาะกับตัวเครื่องและดูแลหมึกในเครื่องด้วยการสั่งพิมพ์เดือนละ 1-2 ครั้ง ซึ่งนอกจากจะช่วยไม่ให้หมึกแห้งเป็นคราบติดอยู่ภายในหัวพิมพ์แล้ว ยังรักษาคุณภาพของหมึกให้พิมพ์ออกมาคุณภาพดีอยู่เสมอด้วยค่ะ
ในวันนี้ทีมงานมายเบสท์ขอตัวลาไปก่อน สำหรับคราวหน้าเราจะมาแนะนำสินค้าเกี่ยวกับอะไร หมวดหมู่ไหนนั้น อย่าลืมติดตามชมกันด้วยนะคะ