"เครื่องปั่น" จัดเป็นหนึ่งในเครื่องใช้ไฟฟ้ายอดนิยม เพราะสามารถใช้ทำอาหารและเครื่องดื่มที่บ้านเองได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นน้ำผักผลไม้ปั่น อาหารคาวหวาน ไปจนถึงอาหารสำหรับเด็กทารก ซึ่งในปัจจุบัน มีเครื่องปั่นหลายยี่ห้อให้เราได้เลือกซื้อกัน เช่น Panasonic, Philips, Tefal, Electrolux เป็นต้น บางรุ่นก็เน้นความกะทัดรัด บางรุ่นก็เป็นเครื่องปั่นสุญญากาศที่ช่วยรักษาคุณค่าสารอาหารได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การเลือกซื้อเครื่องปั่นก็มีจุดสำคัญที่เราจะต้องพิจารณาให้ดี ทั้งในเรื่องปริมาณความจุของโถปั่นตลอดจนฟังก์ชันต่าง ๆ ยิ่งไปกว่านั้น การเลือกเครื่องปั่นให้ตอบโจทย์ความต้องการของตัวเองก็เป็นสิ่งที่ละเลยไม่ได้เลยค่ะ
และในครั้งนี้ เราจะมาแนะนำวิธีเลือกเครื่องปั่นให้คุ้มค่ากับการใช้งาน พร้อมทั้งจัด 10 อันดับ เครื่องปั่น รุ่นยอดนิยม ให้คุณได้ลองดูเอาไว้เป็นไอเดียในการเลือกซื้อกัน แถมเรายังจะมาไขข้อข้องใจเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างเครื่องปั่น เครื่องคั้นและเครื่องบดสับให้ทุกคนได้อ่านกันอีกด้วยค่ะ ใครที่สนใจขอให้ติดตามไปจนถึงตอนจบด้วยนะคะ !
ไม่ว่าจะเป็นคนรักการทำอาหารสายสุขภาพ สาว ๆ ที่อยากไดเอทหรือคนที่ต้องดูแลเรื่องสุขภาพอย่างใกล้ชิด แล้วกำลังมองหาอุปกรณ์ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกให้กับตนเองอยู่ เครื่องปั่นช่วยคุณได้แน่นอนค่ะ ! เพราะเครื่องปั่นสามารถใช้ทำน้ำผักหรือน้ำผลไม้ที่มีคุณค่าทางอาหารสูงให้กับเราได้อย่างง่าย ๆ จึงเป็นเสมือนทางด่วนในการเพิ่มสารอาหารให้ลำไส้ของเราดูดซึมได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว
อีกทั้งการปั่นจะช่วยเปลี่ยนสภาพกากใยให้มีขนาดเล็กลงแต่ยังคงอยู่ จึงช่วยส่งเสริมระบบขับถ่ายและปรับสมดุลในลำไส้ให้เรามีสุขภาพที่ดีและแข็งแรงมากยิ่งขึ้นได้ ดังนั้น ใครที่มีชีวิตค่อนข้างเร่งรีบ, คนที่มีปัญหาเรื่องไม่อยากอาหาร, คนที่เบื่ออาหารแนวเดิม ๆ และคนที่ไม่สะดวกหรือไม่ชอบทานผักผลไม้สด ถ้ามีผู้ช่วยดี ๆ แบบนี้ไว้ติดบ้าน ก็คงเป็นเรื่องที่ดีไม่น้อยเลยล่ะค่ะ
เมื่อเราพูดถึงเครื่องปั่น เครื่องคั้นและเครื่องบด ซึ่งฟังดูเหมือนเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยผสมหรือทำให้อาหารแหลกละเอียดเหมือน ๆ กันไปหมด บางคนจึงอาจแยกความแตกต่างระหว่างเครื่องเหล่านี้ไม่ออก แต่คุณทราบหรือไม่ว่า อุปกรณ์ต่าง ๆ เหล่านี้มีจุดที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนเลยล่ะค่ะ ซึ่งข้อแตกต่างดังกล่าวจะเห็นได้จากการเปรียบเทียบอุปกรณ์แต่ละชนิด ดังต่อไปนี้
เครื่องปั่น คือ เครื่องที่ใช้สำหรับปั่นผักหรือผลไม้ที่หั่นให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ เมื่อผสมน้ำลงไปปั่นด้วยก็จะได้เป็นน้ำผักผลไม้ปั่นนั่นเอง นอกจากนี้ ยังสามารถใช้เพื่อปั่นรวมวัตถุดิบต่าง ๆ ให้เข้าด้วยกัน เพื่อนำไปทำซุปหรืออาหารเด็กต่อได้อีกด้วย โดยเครื่องปั่นบางคนอาจเรียกว่า มิกเซอร์ (Mixer) และบางคนอาจเรียกว่า เบลนเดอร์ (Blender) ซึ่งทั้งสองชื่อนั้นล้วนหมายความถึงเครื่องปั่นชนิดเดียวกันค่ะ เพียงแต่ชื่อเรียกอาจแตกต่างกันตามภูมิภาคหรือภูมิประเทศเท่านั้นเอง
ต่อมาเป็นเครื่องคั้นค่ะ โดยเครื่องคั้นนั้นก็เป็นอุปกรณ์ในการทำน้ำผักหรือผลไม้เช่นกัน เพียงแต่มีข้อดี คือ เราไม่ต้องหั่นผักหรือผลไม้ก่อน แต่จะใช้วิธีการใส่ลงไปในเครื่องให้เครื่องบีบคั้นเพื่อเอาน้ำออกมา ส่วนอุปกรณ์ชิ้นสุดท้ายอย่างเครื่องบดสับ อาจจะถือว่าเป็นเครื่องที่ใช้งานแตกต่างจากเครื่องอื่น ๆ ที่สุดเลยก็ได้ เพราะมีไว้สำหรับบดวัตถุดิบทำอาหาร เช่น ผักหรือเนื้อสัตว์ที่ถูกหั่นหยาบ ๆ ไปจนถึงแบบหั่นละเอียด มักมีใบมีดที่ขนาดใหญ่กว่า เหมาะสำหรับใช้ผสมวัตถุดิบอาหารให้เข้ากันก่อนนำมาปรุงสุกค่ะ
ในเมื่อทุกคนได้ทราบถึงความแตกต่างของอุปกรณ์แต่ละตัวแล้ว อย่าลืมเลือกเครื่องที่มีฟังก์ชันที่เหมาะกับจุดประสงค์และความต้องการใช้งานของตนเองกันด้วยนะคะ
ก่อนที่เราจะซื้อเครื่องปั่นสักเครื่องมาใช้งาน มาดูกันดีกว่าค่ะว่า มีจุดไหนบ้างที่เราต้องระวังให้ดีเวลาเลือกซื้อ หรือมีจุดไหนที่น่าจะถูกใจเราและเป็นสิ่งที่เราอยากให้มีอยู่ในเครื่องปั่นของเรากันบ้าง
ปริมาณความจุของโถปั่นที่จุได้ในการปั่นหนึ่งครั้งก็ถือเป็นเรื่องสำคัญลำดับแรก ๆ ที่เราจะต้องพิจารณาค่ะ เพราะหากความจุน้อยเกินไป ก็จะทำให้เราต้องปั่นหลาย ๆ ครั้งเพื่อให้มีปริมาณเพียงพอต่อจำนวนคนในครอบครัว ทำให้เสียทั้งเวลา เสียทั้งแรงงานไม่น้อยเลยทีเดียว
โดยปกติแล้ว การปั่นสมูทตี้ 1 เสิร์ฟควรจะมีปริมาณอยู่ที่ 200 ml ดังนั้น ถ้าหากใช้ข้อมูลนี้ในการคำนวณ เราก็จะทราบถึงขนาดของเครื่องปั่นที่เหมาะสมกับคนในครอบครัวของเราแบบคร่าว ๆ เช่น สำหรับครอบครัวที่มีสมาชิก 4 คน ก็ควรเลือกเครื่องปั่นที่มีความจุประมาณ 800 - 1,000 ml เพื่อที่จะเสิร์ฟให้ทุกคนได้ภายในการปั่นครั้งเดียว ส่วนคนที่ไม่ได้อยู่กับครอบครัวหรือมีสมาชิกในบ้านไม่มาก เราขอแนะนำเครื่องปั่นขนาดเล็ก กะทัดรัด เพื่อการใช้งานที่สะดวกค่ะ
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะซื้อเครื่องปั่นเครื่องใหญ่ ๆ เราต้องไม่ลืมที่จะคำนึงถึงพื้นที่ในการวางเครื่องปั่นด้วยนะคะ เพราะการที่เครื่องปั่นสามารถจุปริมาณได้มากก็เท่ากับว่า ขนาดของเครื่องปั่นคงมีขนาดใหญ่ในระดับหนึ่ง ดังนั้น การจัดสรรพื้นที่และตรวจสอบว่ามีบริเวณใดที่เหมาะสมในการวางบ้างหรือไม่ก่อนทำการซื้อเครื่องปั่นขนาดใหญ่ จึงถือเป็นสิ่งที่จำเป็นค่ะ
นอกจากความจุที่สำคัญแล้ว การคำนึงถึงกำลังไฟฟ้าของเครื่องปั่นแต่ละรุ่นก็สำคัญไม่แพ้กันเลยล่ะค่ะ เพราะกำลังไฟฟ้ามีผลต่อความเร็วในการหมุนของใบมีด ซึ่งจะแตกต่างกันไปแล้วแต่รุ่น แต่กำลังไฟที่สามารถพบได้ทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 100 วัตต์ ไปจนถึง 900 วัตต์ โดยคนส่วนใหญ่จะนิยมเลือกเครื่องปั่นที่มีกำลังไฟฟ้าสูงตั้งแต่ 300 วัตต์ขึ้นไป เพื่อให้สามารถปั่นผักผลไม้ออกมาได้เนียนละเอียดมากขึ้นหรือปั่นน้ำแข็งให้กลายเป็นสมูทตี้ได้ง่าย ๆ แต่ทว่า เสียงรบกวนก็จะมากขึ้นตามกำลังไฟฟ้าด้วยเช่นกัน
และในทางกลับกัน สำหรับคนที่ชอบดื่มน้ำปั่นที่ไม่เนียนละเอียดจนเกินไป แต่ยังหลงเหลือชิ้นผักและผลไม้เล็ก ๆ ให้ได้เคี้ยวเล่นอยู่ เราขอแนะนำให้เลือกเครื่องปั่นที่มีกำลังไฟฟ้าน้อย ๆ หรือมีรอบการหมุนของใบมีดที่น้อยลง เพื่อให้สามารถควบคุมการทำงานได้ง่ายและไม่ต้องกังวลว่า เนื้อสัมผัสของสมูทตี้จะเหลวเกินไป ดังนั้น ในส่วนของการเลือกกำลังไฟฟ้าของแต่ละรุ่น จึงขึ้นอยู่กับรสนิยมในการรับประทานของแต่ละคนด้วยนั่นเองค่ะ
มาต่อกันที่หัวใจสำคัญในการใช้งานเครื่องปั่นอีกอย่างนั่นก็คือ "รูปทรงของใบมีด" ค่ะ ซึ่งลักษณะของใบมีดจะมีอยู่ 2 แบบหลัก ๆ คือ "ใบมีดทรงแบน" และ "ใบมีดทรงคลื่นหรือทรงฟันหยัก" ที่แต่ละแบบจะให้ผลในการปั่นแตกต่างกันค่ะ สำหรับใบมีดทรงแบน จะเหมาะสำหรับการปั่นผักหรือผลไม้นุ่ม ๆ หรือชนิดที่มีน้ำเยอะ ให้กลายเป็นน้ำผลไม้ได้แบบง่าย ๆ
ส่วนใบมีดทรงคลื่นจะมีนิยมใช้บดของแข็ง ๆ ให้แตกหรือละเอียดเล็กลงมากกว่า จึงเหมาะในการทำเมนูสมูทตี้เพราะปั่นน้ำแข็งให้ละเอียดได้ง่าย ซึ่งใบมีดทรงฟันหยักเองก็มีคุณสมบัติที่คล้ายคลึงกันค่ะ เพราะสามารถใช้ปั่นผักผลไม้ที่มีกากใยสูงหรือถั่วแข็ง ๆ ให้เป็นส่วนผสมของอาหาร หรือน้ำถั่วปั่นสุดเฮลตี้ได้ดีทีเดียว
นอกจากการคำนึงถึงลักษณะของใบมีดให้เหมาะสมกับแต่ละเมนูแล้ว เราขอแนะนำให้ตรวจสอบว่า เครื่องปั่นรุ่นที่คุณต้องการสามารถถอดใบมีดออกมาได้ด้วยหรือไม่ เพราะหากเครื่องปั่นของคุณสามารถถอดใบมีดได้ จะทำให้คุณสามารถดูแลรักษาใบมีดได้ง่ายกว่า เช่น สามารถลับคมได้เหมือนกับมีดทำครัวทั่วไป แถมยังทำความสะอาดได้ง่าย อย่างไรก็ตาม ในการจับใบมีดจะต้องระมัดระวังมาก ๆ นะคะ เพราะใบมีดของเครื่องปั่นค่อนข้างคมและบาดมือได้ง่ายมาก โดยเฉพาะกับเด็กจะต้องเก็บเอาไว้ให้ห่างมือจึงจะดีที่สุดค่ะ
วัสดุแต่ละแบบจะให้ความรู้สึกในการใช้ที่แตกต่างกัน โดยในอดีต วัสดุของโถปั่นจะทำจากแก้วและพลาสติกธรรมดาทั่วไป แต่ในปัจจุบันก็เริ่มมีโถปั่นที่ผลิตจากวัสดุที่ทนความร้อนได้ดียิ่งขึ้นอย่าง Tritan ออกมาจำหน่าย แถมได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อีกด้วยค่ะ มาดูกันว่า แต่ละแบบมีจุดเด่นอย่างไรบ้าง
โถแก้วเป็นแบบที่ค่อนข้างทนทาน ล้างทำความสะอาดได้ง่ายเพราะคราบไม่ฝัง ส่งผลให้ไม่ค่อยมีกลิ่นติดค้างด้วยเช่นกันค่ะ รวมถึงมีคุณสมบัติการทนความร้อนได้ดี ทำให้เหมาะกับการใช้ทำอาหารประเภทซุปและนำใส่เครื่องล้างจานเพื่อทำความสะอาดได้สะดวกสบาย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น โถแก้วก็มีข้อเสียในเรื่องของน้ำหนักที่มากกว่าโถปั่นแบบอื่น ๆ ทำให้คนที่ต้องใช้งานเป็นประจำอาจจะใช้งานได้ไม่สะดวกเท่าไรนัก ดังนั้น เราขอแนะนำให้คุณลองเปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียระหว่างฟังก์ชันการใช้งานกับน้ำหนัก รวมถึงไลฟ์สไตล์การใช้งานเครื่องปั่นของตนเองก่อนเลือกซื้อนะคะ
ข้อดีของ "โถพลาสติก" คือ มีน้ำหนักเบา ใช้งานได้สะดวกและราคาย่อมเยา จับต้องได้ มีให้เลือกในท้องตลาดเป็นหลายรุ่น แต่ด้วยความที่เป็นพลาสติก ทำให้มีข้อเสียที่พบบ่อยในแง่ของการใช้ไปนาน ๆ ที่มักจะพบรอยขีดข่วนบนพื้นผิวของโถปั่นและมีกลิ่นอาหารติดสะสมได้ง่าย
นอกจากนี้ หากใครทำความสะอาดได้ไม่ดีพอแล้วล่ะก็ สิ่งสกปรกก็อาจเข้าไปสะสมอยู่ในรอยขีดข่วนและกลายเป็นแหล่งเพาะเชื้อแบคทีเรีย ทำให้โถปั่นของเราดูสกปรก ไม่น่าใช้งาน และอาจมีผลเสียต่ออาหารและสุขภาพของคนทานตามมาได้ หากยังใช้งานโถปั่นตัวเดิมต่อไป ดังนั้น ใครที่ตั้งใจจะใช้โถพลาสติกอยู่แล้ว เราขอแนะนำว่า ในการใช้งานทุกครั้ง คุณจำเป็นที่จะต้องใส่ใจเรื่องการทำความสะอาดให้มากเป็นพิเศษกว่าแบบอื่น ๆ ค่ะ
สำหรับโถปั่นประเภทนี้ หลายคนอาจจะไม่ค่อยคุ้นชื่อของวัสดุอย่าง Tritan เท่าไรนัก เนื่องจากเป็นวัสดุที่ถูกพัฒนาขึ้นมาใหม่จากเรซิ่นสังเคราะห์ที่บริษัท Eastman บริษัทชื่อดังเกี่ยวกับการผลิตอุปกรณ์การแพทย์ของอเมริกาเป็นผู้คิดค้นขึ้น มีจุดเด่น คือ ใสเหมือนกับแก้ว ทนต่อแรงกระแทกและความร้อน แต่มีน้ำหนักเบาเหมือนพลาสติกธรรมดาทั่วไป เรียกได้ว่ารวมข้อดีของทั้งโถแก้วและโถพลาสติกไว้ด้วยกันเลยล่ะค่ะ และที่สำคัญ ยังปลอดจากสารก่อมะเร็งอย่าง BPA (Bisphenol) ที่บ่อยครั้งจะเจออยู่ในบรรจุภัณฑ์ที่ทำมาจากพลาสติกและอาจก่อให้เกิดโรคมะเร็งหรืออันตรายอื่น ๆ ได้ ถือว่าเป็นวัสดุทางเลือกที่น่าสนใจมาก ๆ ค่ะ
การเลือกเครื่องปั่นรุ่นที่สามารถดูแลรักษาได้ง่ายก็ถือเป็นสิ่งที่ดีกับตัวเราค่ะ เพราะเศษอาหารมักจะเข้าไปติดตามซอกต่าง ๆ ของเครื่องปั่นได้ง่าย หากทำความสะอาดไม่ดีพอก็อาจจะเกิดเป็นเชื้อแบคทีเรียสะสม ซึ่งคงจะไม่ดีอย่างแน่นอน ดังนั้น เราขอแนะนำให้คุณเลือกเครื่องปั่นที่มีโครงสร้างไม่ซับซ้อนหรือรุ่นที่สามารถถอดชิ้นส่วนได้ โดยเฉพาะส่วนของใบมีด เพราะถือเป็นส่วนที่หลาย ๆ คนค่อนข้างหนักใจในการทำความสะอาดเลยทีเดียว
นอกจากนี้ ถ้าเป็นโถปั่นที่ทำมาจากแก้วซึ่งป้องกันการเกิดรอยตำหนิหรือโถที่สามารถใช้กับเครื่องล้างจานได้ การดูแลรักษาก็จะยิ่งง่ายและสะดวกขึ้นไปอีกค่ะ ดังนั้น สำหรับคนที่คิดว่าจะได้ใช้เครื่องปั่นบ่อย ๆ อย่าลืมตรวจสอบด้วยว่า รุ่นนั้นทำความสะอาดได้ง่ายและมีโครงสร้างที่ถอดประกอบได้สะดวกหรือไม่ ซึ่งถ้าถอดประกอบได้สูงสุด 3 - 4 ชิ้นส่วนเป็นต้นไป ก็จะถือว่าดีและปลอดภัยมาก ๆ เลยล่ะค่ะ
ในส่วนนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่มองข้ามไม่ได้เลยค่ะ เพราะข้ออื่นถ้าเลือกผิดอย่างมากก็ทำให้แค่เจ็บใจ แต่ถ้าเป็นเรื่องความปลอดภัย เมื่อเลือกไม่ดีก็มีสิทธิ์ทำให้เราและคนในครอบครัวเจ็บตัวได้ ฉะนั้นแล้ว ทุกครั้งที่เลือกเครื่องปั่น เราขอแนะนำว่า คุณควรเลือกแบบที่มีฟังก์ชันเพื่อความปลอดภัยด้วยหรือระบบ Safety ด้วยนะคะ ยกตัวอย่างเช่น เครื่องจะไม่ทำงานหากปิดฝาไม่สนิทหรือวางโถปั่นไม่ลงล็อกตามตำแหน่ง เป็นต้น เพราะหลายครั้งเราอาจเผลอตัวได้ หากมีฟังก์ชันเหล่านี้ก็จะช่วยให้เรามั่นใจในความปลอดภัยได้ระดับหนึ่งค่ะ
บางคนเข้าใจว่า ถ้าซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีราคาแพงก็จะมีฟังก์ชันความปลอดภัยดังกล่าวมาให้อยู่แล้วแน่นอน แต่อันที่จริงไม่ได้เป็นอย่างนั้นเสมอไป ดังนั้น ขอแนะนำให้ตรวจสอบฟังก์ชันนี้ก่อนการเลือกซื้ออย่างรอบคอบ เพราะบางทีเราอาจจะไม่จำเป็นต้องจ่ายในราคาที่สูงจนเกินเอื้อมก็ได้ค่ะ
แน่นอนว่า เครื่องปั่นที่มีฟังก์ชันการใช้งานหลายอย่างมักจะมีราคาที่สูงกว่ารุ่นธรรมดาไปมาก แต่ถ้าเรามั่นใจว่า จะได้ใช้ประโยชน์จากฟังก์ชันเหล่านั้นแน่นอน การซื้อเครื่องปั่นที่ฟังก์ชันต่าง ๆ ครบครันก็เป็นตัวเลือกที่ดีไม่น้อยเลยค่ะ เช่น รุ่นที่ปรับระดับความเร็วในการปั่นได้ตามต้องการ เพื่อให้เราสามารถรังสรรค์เมนูสมูทตี้ได้หลากหลายรสสัมผัส
นอกจากนี้ คุณยังสามารถใช้ประโยชน์จากอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ที่แถมมาให้ได้ด้วยเช่นกัน เช่น อุปกรณ์เสริมสำหรับปั่นเมล็ดกาแฟและของแห้งอื่น ๆ หรือรุ่นที่มีแก้วสำหรับปั่นทำน้ำผักผลไม้พร้อมดื่ม เป็นต้น ซึ่งอุปกรณ์เหล่านี้ จะช่วยร่นระยะเวลาและลดขั้นตอนที่ยุ่งยากออกไปได้ และยิ่งถ้าหากเป็นการใช้ในธุรกิจร้านอาหาร ร้านขนมหวาน หรือร้านกาแฟต่าง ๆ ด้วยแล้วล่ะก็ ก็จะยิ่งช่วยประหยัดทั้งต้นทุนของอุปกรณ์ ทั้งเวลา แถมยังช่วยเพิ่มกำไรได้แบบอ้อม ๆ อีกด้วยค่ะ
สำหรับใครที่ชอบเครื่องดื่มที่เป็นสมูทตี้ นอกจากเครื่องปั่นปกติแล้ว สมัยนี้ก็มีเครื่องปั่นสมูทตี้โดยเฉพาะ ที่มีเทคโนโลยีที่สามารถปั่นน้ำแข็งก้อนให้ละเอียด รวมถึงโถปั่นที่สามารถใช้เป็นแก้วแบบพกพาได้เลย สะดวกสุด ๆ เลยใช่ไหมล่ะคะ ใครที่ตามหาเครื่องปั่นสมูทตี้โดยเฉพาะอยู่ ตามเข้าไปดูได้ที่บทความข้างล่างนี้กันเลย
เมื่อเราทราบถึงวิธีการเลือกซื้อเครื่องปั่นกันอย่างคร่าว ๆ แล้ว คราวนี้เรามาลองดูกันเลยดีกว่าค่ะว่า 10 อันดับ เครื่องปั่นยอดนิยมนั้นมียี่ห้อใด รุ่นไหนกันบ้างที่น่าสนใจ
หลายคนอาจคุ้นหูกับชื่อยี่ห้อ HAFELE เพราะแบรนด์นี้มีสินค้าจำหน่ายหลายอย่างทีเดียว และ 1 ในนั้นก็ คือ ผลิตภัณฑ์เครื่องปั่นนั่นเอง ซึ่งตัวนี้ทางผู้ผลิตได้แจ้งเอาไว้อย่างชัดเจนเลยว่า ไม่ใช่เครื่องปั่นที่เหมาะสำหรับจะนำไปใช้ในการขาย ดังนั้น หากใครที่มีแพลนจะทำร้านอาหารหรือร้านกาแฟให้ตัดตัวเลือกนี้ทิ้งได้เลยค่ะ แต่คนที่ต้องการใช้งานที่บ้านแบบสบาย ๆ เครื่องปั่นรุ่นนี้ก็มีความน่าสนใจอยู่ค่ะ
ด้วยฟังก์ชันการปั่น 3 รูปแบบ ที่จะช่วยให้คุณสร้างสรรค์เมนูสมูทตี้ได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการปั่นน้ำแข็ง ปั่นผลไม้ หรือการปั่นให้ละเอียด เครื่องนี้ก็ช่วยคุณได้ ตัวโถปั่นทำจากแก้วที่พอผนวกกับตัวเครื่องที่เป็นวัสดุสเตนเลสสตีลแล้วยิ่งดูเข้ากัน นอกจากนี้ ยังมีระบบป้องกันไม่ให้มอเตอร์ทำงานจนร้อนเกินไปและมีระบบล็อกฝาปิดเพื่อความปลอดภัยถึง 2 ชั้น ที่สำคัญ ราคาเป็นมิตรสูด ๆ เลยล่ะค่ะ
เครื่องปั่นสุญญากาศสัญชาติเกาหลีรุ่นนี้ มีความพิเศษอยู่ที่การสร้างพื้นที่สุญญากาศในโถปั่น เพื่อลดพื้นที่สัมผัสของเนื้อผักผลไม้กับอากาศภายในโถ ที่อาจก่อให้เกิดการ Oxidation จนผักและผลไม้สูญเสียคุณค่าทางโภชนาการได้ อีกทั้งระบบจะทำการคำนวณรอบปั่นให้เหมาะสม เพื่อลดฟองอากาศและช่วยให้สีสดน่าทานมากยิ่งขึ้นด้วย
นอกจากนี้ ยังไม่ทำให้น้ำปั่นที่ได้แยกชั้นเป็นน้ำและกากใยเหมือนเครื่องปั่นรุ่นอื่น ๆ แต่จะรวมให้เป็นเนื้อเนียนละเอียดไปด้วยกัน ส่วนโถปั่นมีความจุถึง 1,500 ml มาพร้อมแก้วปั่นอีก 1 ใบ เพิ่มความสะดวกให้นำออกไปใช้งานข้างนอก เหมาะสุด ๆ สำหรับคนคนที่เน้นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพจริง ๆ ค่ะ
สำหรับเครื่องปั่นรุ่นนี้ สามารถใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชัน Master X ที่ผ่านการพัฒนาร่วมกับสถาบันสอนทำอาหารชื่อดังอย่าง Le Cordon Bleu ซึ่งจะช่วยให้การทำอาหารระดับเชฟมือทองเป็นเรื่องง่าย ผสมผสานกับการทำงานใบมีดที่ปั่นด้วยความเร็วสม่ำเสมอและละเอียดยิ่งกว่า ไม่ว่าจะเป็นการปั่นผัก ผลไม้ หรือถั่ว ก็จะได้เนื้อสัมผัสแบบ Purées ที่ดูหรูหราได้ไม่ยาก เหมาะกับคนที่ชอบรสสัมผัสที่เนียนลื่นลิ้นอย่างมากค่ะ
ส่วนของแผงควบคุมก็ใช้งานได้ง่ายมาก ๆ เลยล่ะค่ะ เพราะมีรายละเอียดต่าง ๆ ครบถ้วน ให้คุณสามารถกดเลือกเมนูได้ตามต้องการ แถมไม่ต้องกังวลเลย หากกำลังทำเมนูใด ๆ อยู่แล้วแผงควบคุมเกิดเลอะคราบขึ้นมา เพราะสามารถเช็ดออกได้อย่างสบายใจหายห่วง ไม่ต้องกลัวว่าจะชำรุดค่ะ
ถือเป็นเครื่องปั่นที่ให้ความคุ้มค่าในราคาเป็นมิตรจริง ๆ เพราะได้รับการรองรับมาตรฐาน RoHS โดยมาพร้อมกับใบมีดสุดคม 3 ชิ้น 6 แฉก ปั่นได้ละเอียด ทั้งยังปรับความเร็วการปั่นได้ 6 ระดับ แถมมีสเกลบอกระดับน้ำให้เห็นชัด รวมทั้งระบบนิรภัยที่จะเข้ามาควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ เมื่อมอเตอร์ทำงานจนร้อนเกินไป
ตัวโถปั่นพลาสติกก็มีความปลอดภัยต่อผู้บริโภคสูง เพราะทำจากพลาสติก Food Grade ทำความสะอาดได้ง่าย ไม่มีกลิ่นตกค้าง มีแท่งคนส่วนผสมในตัว เพื่อช่วยให้การปั่นทั่วถึงมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังใส่ใจในรายละเอียดด้วยการใช้ขาฐานมอเตอร์สุญญากาศ ช่วยยึดพื้นไม่ให้เครื่องเคลื่อนที่ขณะใช้งานอีกด้วยค่ะ
เครื่องปั่นที่มีตัวโถทำมาจากพลาสติก ABS ที่มีความแข็งแรง ทนทาน สามารถใช้ปั่นทำสมูทตี้ เครื่องดื่มต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งทำซุปและอาหารเหลวอื่น ๆ ก็ไม่มีปัญหาค่ะ ด้านข้างโถปั่นจะมีสเกลบอกปริมาตรที่ค่อนข้างละเอียด เหมาะอย่างยิ่งกับคนที่ชอบปั่นเครื่องดื่มโดยใช้สูตรเพราะช่วยประหยัดเวลาไม่ต้องตวงของเหลวในถ้วยแยกเลยค่ะ
นอกจากนี้ ยังมีใบมีดที่ทำมาจากสเตนเลส 6 แฉกและถอดออกมาทำความสะอาดได้สะดวกอีกต่างหาก ในเรื่องของความปลอดภัยก็มีระบบตัดไฟอัตโนมัติหากเครื่องถูกใช้งานจนมอเตอร์ร้อนเกินไป หรือเครื่องจะไม่ทำงานเลยหากโถถูกวางในตำแหน่งที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งเป็นระบบที่ดีและมีประโยชน์มาก ๆ เลยล่ะค่ะ
เครื่องปั่นรุ่นนี้ เป็นเครื่องที่เหมาะสำหรับการปั่นทั่วไป เพราะมีกำลังไฟฟ้าไม่มากนัก มาพร้อมกับโถปั่นที่ทำจากแก้วหนา แข็งแรง มีความจุ 1,500 ml ใบมีดมีลักษณะโค้งสามารถปั่นได้ละเอียดและยังปรับความเร็วการปั่นได้อีก 2 ระดับ รวมไปถึงมีระบบตัดการทำงานอัตโนมัติหากมอเตอร์ทำงานหนักเกินไป
โถแก้วมีความทนทาน ทนต่อแรงกระแทกได้ดี ทำความสะอาดได้ง่าย โดยไม่เหลือกลิ่นไว้ให้รบกวนใจทั้งในกรณีปั่นทั้งอาหารและเครื่องดื่ม นอกจากนี้ ยังทนต่อรอยขีดข่วนซึ่งก็ทำให้เครื่องดูเหมือนใหม่ตลอดเวลา เหมาะกับคนที่เน้นใช้เครื่องปั่นหลาย ๆ เมนูทั้งเครื่องดื่มที่เป็นของเหลวหรือแม้แต่ของแห้งอย่างพริกแกงค่ะ
เครื่องปั่นรุ่นนี้มาพร้อมเทคโนโลยีการปั่น Problend 6 3D ที่ช่วยรักษาสารอาหารจากการปั่นไว้ให้ได้มากที่สุด มีฟังก์ชันพิเศษสำหรับปั่นสมูทตี้โดยเฉพาะ ปรับความเร็วได้หลายระดับ โดยรอบปั่นสูงสุด คือ 35,000 RPM ทำให้ได้เนื้อสัมผัสที่เนียนละเอียดมากขึ้นอีก 50% จนหลาย ๆ คนยืนยันว่า ไม่เหลือเกล็ดน้ำแข็งเล็ก ๆ ให้เห็นกันเลยทีเดียว
ตัวโถทำจาก Tritan มีความแข็งแรงทนทาน สามารถนำเข้าเครื่องล้างจานได้ ซึ่งรุ่นนี้ถือว่า มีขนาดใหญ่และเหมาะสำหรับครอบครัวที่ชื่นชอบการดื่มสมูทตี้เพื่อสุขภาพ เพราะโถปั่นมีความจุสูง จึงสามารถทำสมูทตี้ได้ครั้งละหลายเสิร์ฟ ส่วนในเรื่องของความปลอดภัย ตัวเครื่องก็มีระบบปิดเครื่องอัตโนมัติ รวมทั้งมีสัญญาณไฟแสดงการเปิดเครื่องเพื่อให้ผู้ใช้งานรู้ว่าเครื่องกำลังทำงานอยู่ด้วยนะคะ
ด้วยนวัตกรรมปั่นแบบสุญญากาศ Nutrikeep™ ที่ช่วยไล่อากาศขณะปั่น ทำให้เมนูผักผลไม้ที่ได้จากเครื่องรุ่นนี้ มีความสดใหม่ สีสันสดใสและมีคุณค่าทางโภชนาการอยู่ครบ ทำเอาถูกใจหลายคนไม่น้อย ความเร็วปรับได้ 10 ระดับ โดยให้ความเร็วสูงสุดมาที่ 45,000 RPM และปั่นเป็นจังหวะ ทำให้ได้เนื้อเนียนละเอียดน่ารับประทาน
แถมเพิ่มความสะดวกให้อีก ด้วยโปรแกรมปั่นอัตโนมัติ 6 โปรแกรม พร้อมหน้าแสดงผลดิจิทัลมองเห็นได้ชัดเจน ส่วนตัวโถและใบมีดก็มีความหนาพิเศษ ทนทาน ทำให้ใช้ปั่นได้ทั้งเมนูร้อน-เย็น นอกจากนี้ ตัวเครื่องยังทำงานได้รวดเร็วและทำความสะอาดได้ง่าย ไม่เก็บกลิ่นค่ะ
Electrolux รุ่นนี้มีความพิเศษตรงที่ถึงแม้จะเป็นโถพลาสติก แต่ก็เป็นพลาสติกที่ปราศจากสาร Bisphenol หรือสารที่ก่อมะเร็ง ทำให้ใครที่สนใจอยากจะได้เครื่องปั่นโถพลาสติกไม่ต้องกังวลอีกต่อไปแล้วค่ะ ตัวเครื่องสามารถปรับความเร็วได้ 3 ระดับ มาพร้อมใบมีด 4 แฉกทรงพลังทำมาจากสเตนเลส ที่ปั่นน้ำแข็งและสมูทตี้ได้เนื้อเนียนละเอียดเข้ากัน ตัวเครื่องมีขนาดกะทัดรัด แถมยังถอดล้างทำความสะอาดได้ง่ายอีกด้วย
ส่วนเรื่องความปลอดภัยของรุ่นนี้ก็ไม่ยอมน้อยหน้า เพราะระบบจะไม่ทำงานหากวางโถไม่ลงล็อก นอกจากนี้ ตัวเครื่องยังมาในสีฟ้าพาสเทล ดูสบายตาสามารถใช้ตกแต่งบ้านได้ด้วยในเวลาเดียวกัน และถึงแม้ว่าบางรีวิวบอกว่าเสียงปั่นค่อนข้างดัง แต่ถ้าหากเป็นการใช้ที่บ้านแบบครั้งคราวก็ไม่เป็นปัญหาเท่าไรค่ะ
ที่สุดแห่งนวัตกรรมความสะดวกจริง ๆ ค่ะ กับเครื่องปั่นจาก Philips เครื่องขนาดพอดีที่สามารถตั้งโปรแกรมการทำอาหารและเครื่องดื่มได้ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเมนูเพื่อสุขภาพรวม ๆ แล้วมากถึง 8 เมนูเลยทีเดียว สามารถปรับความเร็วได้ 10 ระดับ โดยความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 38,000 RPM หากคุณต้องการเนื้อสัมผัสที่ละเอียดมากในเวลาอันน้อยนิด เลือกรุ่นนี้ไม่มีผิดหวังแน่นอน
อีกทั้งยังรองรับการปั่นทั้งเมนูเย็นไปจนถึงเมนูร้อนถึง 100 องศา โดยจะมีตัวเลขแสดงบนบนจอระบบสัมผัสไว้คอยบอกอุณหภูมิ มาพร้อมชุดทำความสะอาดและถ้วยตวงเพิ่มความสะดวก ส่วนด้านข้างโถมีระดับน้ำสูงสุดที่ควรเติมสำหรับเมนูร้อน-เย็น เพื่อความปลอดภัยและช่วยให้จับยกเพื่อเสิร์ฟได้ง่ายมากขึ้นค่ะ
เมื่อได้ทราบความน่าใช้ของเครื่องปั่นแล้ว หลายคนคงเริ่มจะอยากได้เครื่องปั่นไปไว้ติดบ้านกันแล้วใช่ไหมคะ แน่นอนว่าเครื่องปั่นดี ๆ นั้นสามารถใช้ทำได้ทั้งเมนูเครื่องดื่มและอาหารคาวหวานหลายรูปแบบ เพื่อให้ทุกคนได้ใช้งานเครื่องปั่นกันแบบคุ้ม ๆ ไม่ต้องนั่งคิดว่าจะเอาไปทำอะไรดีอีกต่อไป เพราะเรามีไอเดียในการใช้งานมาเสนอค่ะ !
เริ่มกันด้วยการพูดถึงจุดเด่นของเครื่องปั่นกันก่อนดีกว่าค่ะ ด้วยความที่เครื่องปั่นสามารถตีเอาอากาศเข้าไปในเนื้อวัตถุดิบได้ ทำให้เหมาะกับการทำอาหารที่ต้องการความฟูนุ่มในเนื้อสัมผัส โดยนอกจากน้ำผลไม้ปั่น สมูทตี้ หรือซุปครีมที่มีความละมุนนุ่มลิ้นแล้ว ยังใช้ในการผสมเนื้อแฮมเบอร์เกอร์ให้ออกมาดูหนานุ่มได้ด้วย และในส่วนของเมนูอาหารหวาน เราก็สามารถใช้เครื่องปั่นได้เหมือนกันนะคะ เช่น ใช้ทำส่วนผสมแป้งของเค้ก หรือส่วนผสมของไอศกรีมต่าง ๆ เพื่อให้วัตถุดิบมีรวมเข้าเป็นเนื้อเดียวกันได้ง่ายขึ้น ซึ่งถ้าทุกคนพอจะได้ไอเดียในการใช้เครื่องปั่นเพิ่มแล้ว ลองนำไปประยุกต์ใช้ทำอาหารหรือเครื่องดื่มที่คุณชอบดูนะคะ รับรองว่าจะต้องออกมาดีแน่นอน
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ หลังจากที่เราได้แนะนำ 10 อันดับ เครื่องปั่นยอดนิยม ให้ทุกคนได้ดูกันแล้ว มีรุ่นไหนที่คุณสนใจบ้างหรือไม่คะ ? ถึงแม้ว่าเครื่องปั่นแต่ละรุ่นจะมีคุณสมบัติที่น่าสนใจมากมาย แต่พอนึกถึงไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนแล้ว ไม่แน่ว่าขอเพียงมีคุณสมบัติที่ตรงกับความต้องการของเราอย่างน้อย 1 - 2 ข้อ ก็อาจจะเพียงพอให้เราอยากจะได้เครื่องปั่นรุ่นนั้นมาทำเป็นเมนูเครื่องดื่มหรือเมนูคาวหวานให้กับตัวเองและคนในครอบครัวแล้วล่ะค่ะ
หวังว่าหลังจากที่ทุกคนอ่านบทความนี้แล้ว จะสามารถจะนำแนวทางวิธีการเลือกที่เราได้แนะนำทั้งจุดประสงค์การใช้งาน กำลังไฟฟ้า ปริมาณความจุ รวมไปถึงฟังก์ชันความปลอดภัย ไปใช้อ้างอิงเพื่อมองหาเครื่องปั่นที่เหมาะกับคุณได้อย่างง่ายดายขึ้นนะคะ